โอกาสเอาชนะใจลูกค้า: วิธีการพิชิตใจลูกค้าสำหรับบบริษัทจัดหางานมือใหม่

หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ธุรกิจในปัจจุบันอยู่ในสภาวะที่ยังไม่มั่นคง คุณได้เตรียมการที่จะเปิดบริษัทจัดหางาน และคุณพร้อมที่จะเริ่มธุรกิจนี้

ณ ตอนนี้คุณต้องการลูกค้า

คุณต้องรู้จักที่จะพัฒนากลยุทธ์และวิธีการที่มั่นคงเพื่อเข้าหากลุ่มลูกค้า แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงเริ่มต้นแต่การที่ให้ลูกค้ารู้จักเราในทางที่ดี แต่ก็มีวิธีการหลากหลายที่จะช่วยให้คุณหาลูกค้าที่มีศักยภาพได้ ดังนี้

1.แหล่งประกาศงาน (Job boards)

ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประเภทไหน สินค้าอะไร ก็มักจะต้องเริ่มต้นหาคนด้วยเว็บประกาศหางานต่างๆ ปัจจุบัน มีทั้งผลลัพท์ที่มากขึ้นและน้อยลงทางด้านประสิทธิภาพของการใช้เว็บประกาศหางานต่างๆ ซึ่งการใช้ช่องทางนี้อาจจะไม่ต้องแรงให้กับมันมาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่สามารถใช้ได้กับตำแหน่งงานที่เร่งด่วนมากๆ

และนั่นเป็นเหตุที่ผลที่ทำไมถึงมีการใช้บริษัทจัดหางานเข้ามาช่วย

บริษัทที่มีการจ้างงานผ่านช่องทางหางานต่างๆ ต่างก็มีความจำเป็นที่จะต้องให้บริษัทจัดหางานเข้ามาช่วย ดังนั้นเราสามารถติดต่อบริษัทเหล่านี้ได้เพื่อที่จะแนะนำว่าเราสามารถช่วยหาผู้สมัครที่มีคุณภาพให้เขาได้ด้วยการช่วยหาคนโดยตรงหรือช่วยประสานงานกับทางคนของบริษัท

และการพยายามเข้าหาเว็บจัดหางานต่างๆ ก็ต้องใช้การเข้าหาในเชิงรุก อาจจะใช้เวลาพอสมควร แต่ก็จะช่วยให้เราเก็บข้อมูลสำคัญๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของว่าที่ลูกค้าของคุณรวมถึงความต้องการด้านการสรรหาคน

การที่จะใช้ช่องทางนี้ช่วยหาลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องมั่นใจว่าคุณมีที่เก็บข้อมูลจำนวนมากรวมถึงการติดตามงานหลากหลายต่างๆ ที่ได้จากลูกค้า ตัวช่วยที่ดีอย่างนึงคือระบบ ATS ซึ่งจะช่วยในการจัดการข้อมูล การติดตามตัวงาน รวมถึงการเชื่อมการรับข้อมูลกับแหล่งประกาศงานต่างๆ โดยตรง

2. โซเชียลมีเดีย

ช่องทางนี้เป็นช่องทางที่แนะนำให้ใช้เป็นอย่างยิ่งเพราะไม่ใช่แค่บริษัทจัดหางานเท่านั้น เกือบๆ ทุกธุรกิจต่างก็ใช้กันทั้งนั้น เพราะทั้งลูกค้าและผู้สมัครงานที่มีศักยภาพล้วนแต่ใช้โซเชียลมีเดียกันทั้งนั้น อีกทั้งพวก Linkedin, Quora รวมถึง Facebook มักจะแสดงให้เห็นถึงประวัติเก่าๆที่อาจจะเป็นประโยชน์กับเราอย่างเช่น ประกาศงานเก่าๆ หรือความสนใจในงานที่เคยโพสเอาไว้

อีกทั้ง การสร้างโฆษณาต่างๆ ในโซเชียลมีเดียก็ทำให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าหรือผู้สมัครได้โดยตรง และแน่นอนว่าวิธีนี้มีต้นทุนที่ต้องจ่าย แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ การเข้าร่วมกับกลุ่มในโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยเฉพาะใน facebook ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้ลูกค้าใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน

3.การใช้อีเมลประชาสัมพันธ์

หลายคนมักจะตอบคำถามผิดในเรื่องของประสิทธิภาพในการใช้อีเมลประชาสัมพันธ์ ถึงแม้มันจะดูเหมือนไม่ใช่วิธีที่เด่นอะไรเป็นพิเศษในการเข้าหากลุ่มเป้าหมาย แต่จริงๆ แล้วมันมีประสิทธิภาพเทียบเคียงได้กับโซเชียลมีเดียได้เช่นกัน

ความแตกต่างระหว่างการใช้ช่องทางอีเมลที่ประสบความสำเร็จกับไม่สำเร็จนั้นเกิดจากวิธีการเข้าหากลุ่มเป้าหมาย การส่งอีเมลที่เหมือนกันหมดให้คน 1000 คนไม่ได้ช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีเท่าไหร่นัก แถมยังทำให้ความพยายามนั่นสูญเปล่าอีกด้วย

การใช้อีเมลประชาสัมพันธ์ไม่เหมือนกับการเคาะประตูบ้านแต่ละคนเพื่อขายของ การส่งอีเมลของคุณควรจะมีความเฉพาะในธุรกิจด้านนั้นๆ มากกว่าที่จะส่งหว่านแบบหัวข้อทั่วๆ ไป และที่แน่ๆ คือคุณอยากให้อีเมลของคุณได้แจ้งข้อมูลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

ถ้าคุณส่งข้อมูลที่มีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับการทำงานให้กลุ่มเป้าหมาย (หรืออย่างน้อยที่สุดก็เกี่ยวข้องกับความต้องการด้วยการสรรหาคน) โอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้าที่ได้ประโยชน์จากอีเมลของเราก็จะมีมากขึ้น

ถ้าคุณต้องการจะอัพเดตข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ หรือเล่าเกี่ยวกับตำแหน่งที่คุณเพิ่งปิดงานไปได้ โอกาสที่ลูกค้าจะเปิดอ่านอีเมลของคุณนั้นน้อยมาก อาจจะเปิดแทบไม่ถึง 10 วินาทีด้วยซ้ำ สิ่งที่ควรทำมีเพียงการสาธิตให้ดูว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างไร เราจะช่วยลูกค้าได้อย่างไรบ้าง สิ่งเหล่านี้แหละจะข่วยให้ลูกค้าสนใจและอ่านอีเมลที่คุณส่ง

4. การส่งอีเมลหว่านไปให้ผู้จัดการของแผนกนั้นๆ โดยตรง

นอกจากการส่งจดหมายข่าวทางอีเมลจะดูน่าเบื่อแล้ว การส่งอีเมลหว่านก็ดูเป็นอีกวิธีที่ล้าสมัย แต่การส่งอีเมลหว่านไปยังกลุ่มคนที่เรายังไม่เคยติดต่อด้วยก็ยังมีการใช้อยู่ในยุคดิจิตอล เพราะมันช่วยก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าที่คุณคิด

เหล่าผู้จัดการของแผนกต่างๆ ที่ต้องสัมภาษณ์ผู้สมัครมักจะต้องติดต่อกับเหล่านักสรรหาคนมืออาชีพอยู่บ้าง เพราะการจะหาคนได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จำเป็นที่จะต้องมีการอ่านอีเมลที่เกี่ยวข้องอยู่เรื่อยๆ

คุณควรเริ่มสร้างฐานข้อมูลของผู้จัดการหรือผู้ที่มีอำนาจการตัดสินใจในการจ้างงานเอาไว้ อาจจะหาฟรีแลนซ์ช่วยรวบรวมข้อมูลหรือเช็คตามเว็ยไซต์ของบริษัทต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลการติดต่อเอง และทางที่ดีควรเก็บข้อมูลตำแหน่งงานที่พวกเขากำลังมองหาอยู่ (เพื่อใส่ไปในอีเมลที่จะส่งให้ในภายหลัง)

วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้เราติดต่อกับว่าที่ลูกค้าได้โดยตรง ถ้าถามว่าเราควรส่งอีเมลหว่านให้ใคร คำตอบก็คือ ส่งให้ผู้จัดการที่จะเป็นคนสัมภาษณ์งานโดยตรง

5. การติดตาม ทบทวน และการอ้างอิงไปยังคนรู้จักของคุณ

การสร้างความสัมพันธ์แบบมืออาชีพเป็นงานพื้นฐานหลักของบริษัทจัดหางาน เพราะธุรกิจนี้ก็เหมาะกับคำที่ว่า "เมื่อเป็นลูกค้ามาครั้งนึงแล้ว ก็จะเป็นลูกค้าของเราตลอดไป"

ลูกค้าหลายๆ คนมักจะติดต่อกลับมาหาบริษัทจัดหางานเมื่อพวกเขาไม่สามารถที่จะหาคนได้ ดังนั้น ในขณะที่เราติดต่อลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม อย่าลืมถามพวกเขาว่ารู้สึกอย่างไรกับบริการของเรา พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเพราะวันนึงเมื่อลูกค้าต้องการตัวช่วย เขาจะได้นึกถึงคุณ

การอ้างอิงก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งคนที่เราเคยทำงานด้วยในอดีต หรือเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ต่างก็สามารถที่จะเป็นอนาคตลูกค้าของคุณได้ทั้งนั้น ดังนั้น คุณควรรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้

6. การอัพเดตข้อมูลข่าวสารสำหรับประเภทธุรกิจอยู่เสมอ (เช่น ATS เครื่องมือต่างๆ รวมถึงฐานข้อมูล)

การยกระดับกระบวนการทำงานของคุณทำให้คุณมีอัตราการประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้น แม้วิธีนี้จะไม่ใช่วิธีที่ทำให้เข้าหาลูกค้าได้โดยตรงก็ตาม แต่จะช่วยทำให้เราตามเทรนล่าสุดของงานด้านสรรหาได้ทัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีด้านสรรหาคน เว็บประกาศงานใหม่ๆ ช่องทางการหาคนรูปแบบต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้ถอยหลังเพื่อกลับมามองภาพที่ใหญ่ขึ้นของธุรกิจได้

ยกตัวอย่างเช่น การใช้ ระบบ ATS ซึ่งเป็นเทรนใหม่ที่เกิดขึันในตลาด ณ ปัจจุบันที่ช่วยลดกระบวนการทำงานทั้งหมดของการสรรหาคน ปัจจุบันมีเครื่องมือใหม่ๆ หลากหลายตั้งแต่การช่วยเรื่องการเข้าถึงแหล่งโซเชียลมีเดียต่างๆ การใช้ AI ประเมินคนที่เหมาะสมกับตัวงานให้ การดึงข้อมูลออกมาเข้าระบบโดยอัตโนมัติรวมถึงการเชื่อมโยงกับเว็บจัดหางานต่างๆ

นอกเหนือจากฟังค์ชั่นที่น่าสนใจ เหล่านี้ที่ข่วยออกแบบรูปแบบการทำงานด้านการหาคน ระบบ ATS เองยังมีระบบ CRM สำหรับเก็บข้อมูลของลูกค้า และยังช่วยให้คุณกับทีมงานของคุณร่วมกันจัดการฐานข้อมูลผู้สมัครได้อย่างง่ายดาย คอยติดตามกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของคุณรวมถึงมีช่องทางการติดต่อสื่อสารและติดตามงานกับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ ระบบ ATS ก็ยังมีฟังค์ชั่นการใช้งานที่นอกเหนือจากที่พูดมาด้วย อย่างเช่น มันสามารถใช้แทนระบบ CRM สำหรับการจัดเก็บฐานข้อมูลลูกค้าหรือการจัดการต่างๆ ได้ไม่แพ้กับการจัดเก็บข้อมูลผู้สมัครของคุณ

คุณสามารถ คลิกที่นี่ เพื่ออ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ Applicant Tracking System รวมถึงข้อมูลด้านการสรรหาคนต่างๆ หรือ ลงทะเบียนเพื่อลองใช้ฟรี 14 วัน

Try Manatal for free during 14-day with no commitment.

No credit card required
No commitment
Try it Now