
ถึงแม้ว่าปัจจุบันโลกของเราต้องพบกับสถานการณ์ที่น่าวิตกกังวลและไม่แน่นอนส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมโลกในปัจจุบันต้องหยุดชะงักและไม่เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ระบาดของโรคระบาดโควิด 19นั้นทำให้ประชาชนทั่วไปต้องกักตัวที่บ้านและนั้นส่งผลกระทบอย่างมากต่อวงการธุรกิจและสถาบันต่างๆ
อัตราการจ้างงานที่แต่เดิมนั้นสูงที่สุดเป็นประวัติกาล จนกระทั่งในปี 2019 ได้ลดลงและหลายๆบริษัทได้ชะลออัตราการจ้างงานและหวังว่าสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด19นั้นจะดีขึ้น
หากจะก้าวผ่านสถานการณ์นี้ได้ ผู้ว่าจ้างควรคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานมากกว่าที่จะคำนึงว่าธุรกิจรับสมัครงานนั้นจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน
ผู้ว่าจ้างและผู้สมัครงานควรคำนึงถึง 3ข้อหลัก ดังนี้
1 ถึงแม้ว่าจะมีการระบาดของโรคโควิด19 ในขณะนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการว่าจ้างงานหรือ การหางานเกิดขึ้น
2 เราต้องเตรียมพร้อมและรู้จักป้องกันตัวเองจากโรคระบาด 19ในที่ทำงาน
3 ระบบดิจิตอลเอื้ออำนวยให้เราสามารถทำงานผ่านระบบออนไลน์ได้ และวงธุรกิจจัดหางานก็เช่นกัน
สถานการณ์โรคระบาดโควิด19 ของโลกอาจทำให้เราลังเลที่จะว่าจ้างพนักงานหรือแม้แต่หางานใหม่ให้กับตัวเอง แต่ถึงกระนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องเข้าใจว่าการแพร่เชื้อของโรคนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และเมื่อเรารู้คำตอบแล้ว เราเองก็สามารถที่จะวางแผนรับสมัครงานได้อย่างถูกวิธี
ในปัจจุบันวงการธุรกิจรับสมัครงานนิยมหาคนผ่านระบบออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางโซเชียลมีเดียหรือแม้แต่เว็บประกาศหางานทั่วไป ระบบติดตามผู้สมัคร (Application Tracking Systems or ATS) และซอฟแวร์เพื่อการรับสมัครงานโดยเฉพาะจะช่วยให้กระบวนการจัดหางานนั้นง่ายขึ้นกว่าการติดต่อผู้สมัครงานผ่านทางโทรศัพท์และอีเมล์โดยตรง
การสัมภาษณ์งานออนไลน์เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน และไม่เพียงแค่เป็นการป้องกันจากการแพร่ของโรคระบาดโควิด-19 แต่ยังทำให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้สึกว่าบริษัทที่ตนเข้ามาสมัครนั้นมีความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้จักที่จะใช้นโยบายที่ผ่อนปรนในการแก้ปัญหา
สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยจะทำให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้สึกผ่อนคลายและอาจมีความคิดที่อยากร่วมงานกับบริษัทนั้นๆ
นอกเหนือไปจากการสัมภาษณ์ ผู้ว่าจ้างควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สมัครงาน เพราะเราไม่รู้เลยว่าผู้สมัครงานมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใดที่จะติดเชื่อโรคระบาดโควิด 19
ทางแก้ปัญหาที่ดีคือผู้ว่าจ้างควรถามผู้สมัครว่าเคยเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงการติดเชื้อหรือไม่ หรือมีอาการใดที่บ่งบอกว่ามีแนวโน้มที่จะติดเชื้อโรคระบาดโควิด ถึงแม้ว่าความถามเหล่านี้อาจไม่เหมือนกับคำถามสัมภาษณ์ทั่วไป แต่ก็เหมาะสมกับสถานการณ์โลกในขณะนี้
เมื่อพนักงานในบริษัทรู้จักที่จะกระตุ้นซึ่งกันและกัน ผลที่ตามมาคือคุณภาพงานที่มีประสิทธิภาพ หลักจิตวิทยาข้อนี้สามารถใช้ได้จริงในที่ทำงานและทำให้ผู้ว่าจ้างส่วนใหญ่นิยมการทำงานในรูปแบบออฟฟิศมากกว่ารูปแบบรีโมท
การทำงานรูปแบบรีโมทเหมาะสมกับช่วงสถานการณ์โควิด 19 และนี้เพื่อความปลอดภัยของทั้งพนักงานปัจจุบันและพนักงานใหม่ หรือถ้าเป็นไปได้บริษัทก็ควรที่จะดำเนินการทำงานรูปแบบรีโมทไปจนกว่าสถานการณ์โควิด19 สิ้นสุดลง
การทำงานรูปแบบรีโมทนั้นไม่เพียงแค่เหมาะสมกับวิกฤตการณ์ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ระบบติดตามผู้สมัครเป็นที่สนใจมากขึ้นเนื่องจากระบบติดตามผู้สมัครนั้นจะช่วยติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้สมัครงานตลอดช่วงเวลาการทำงานรูปแบบรีโมท
ปัญหาช่องว่างทางความสามารถเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน ผู้ว่าจ้างพยายามแก้ปัญหาโดยการจ้างและฝึกฝนผู้สมัครที่ไม่มีความรู้หรือทักษะเกี่ยวกับตำแหน่ง แม้ว่าวิธีการแก้ปัญหาแบบนี้จะเป็นแนวทางที่ดีแต่ทั้งผู้ว่าจ้างจำต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามอย่างมากในการฝึกฝนกลุ่มผู้สมัครเหล่านี้ การรับสมัครงานในช่วงโควิด 19 อาจเกิดขึ้นยากแต่ก็ทำให้เราเข้าใจและคำนึงถึงภาพรวมของการรับสมัครงานทั่วโลก
คนจำนวนมากหลีกเลี่ยงที่จะออกเดินทางในช่วงระยะเวลานี้ และสิ่งที่เราต้องทำคือหางานในต่างประเทศและเปิดใจที่จะยอมรับการทำงานในรูปแบบรีโมท งานในรูปแบบรีโมทอาจช่วยให้เราสร้างทีมในรูปแบบที่เราต้องการ และคนในทีมเองก็อาจจะเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นๆ
การพัฒนาของคอมพิวเตอร์และระบบอินเตอร์เน็ตทำให้ทุกคนคิดว่าการทำงานจากที่บ้าน (Work from home) อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และในช่วงสถานการณ์เช่นนี้การทำงานจากที่บ้านจึงเหมาะสมที่สุด ในปัจจุบันเรามีระบบดิจิตอลที่ดีทั่วโลกและการทำงานในออฟฟิศของบางสายอาชีพก็อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป
ไม่ว่าผู้ว่าจ้างจะเลือกการทำงานในรูปแบบรีโมทหรืออฟฟิศ สิ่งสำคัญคือสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 อาจไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลของคนบางกลุ่ม สุขอนามัยในที่ทำงานเป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนต้องเอาใจใส่ การใช้เจลล้างมือบ่อยครั้งและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้คนจะทำช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ได้อย่างมาก
แม้ว่าเราไม่อยากจ้างงานใครในช่วงโควิด 19 เช่นนี้ แต่เราควรเตรียมพร้อมเสมอที่จะรับสมัครงานผ่านระบบออนไลน์ จัดการสัมภาษณ์ออนไลน์ และรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้สมัครที่มีศักยภาพ
แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าโรคระบาดโควิด 19 จะหายไปเมื่อไหร่และจะอยู่กับเราไปอีกนาแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรรู้คือวิกฤตการณ์นี้ไม่ได้ส่งผลต่อการรับสมัครงานเลย และเมื่อวิกฤตการณ์นี้จบลง ผู้ว่าจ้างมีเวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะหาผู้ที่มีศักยภาพในตำแหน่ง และแม้แต่ตัวผู้ว่าจ้างเองก็อาจจะมีเวลาเพียงน้อยนิดที่จะหาตำแหน่งที่เหมาะสมกับตนเองในอนาคต